เครื่องที่ดี ต้องไม่ดูแค่โวลต์

แรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Voltage) สำหรับเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายในปัจจุบันมีความหลากหลาย แต่อะไรคือความตั้งใจของผู้ผลิต? ประสิทธิภาพในการใช้งานและความคุ้มค่าในการลงทุน แบบไหนถึงจะตอบโจทย์มากที่สุด?

ถ้าแรงดันไฟฟ้า (V=Voltage) เป็นตัวแปรเพียงตัวเดียวที่ทำให้เครื่องมือมีกำลังไฟฟ้า (P=Watt) มากหรือน้อยจริง เครื่องมือไฟฟ้าไร้สายคงไม่มีทางเกิดขึ้นมา เพราะเครื่องมือไฟฟ้าแบบมีสาย มีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าที่ 220v กำลังต้องมากกว่าเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายขนาด 18v ถ้าคิดตามกรณีนี้

แต่ในความเป็นจริง!! ยกตัวอย่าง สว่านกระแทกไฟฟ้าที่ใช้ไฟ 220v ที่มีกำลัง 750 วัตต์ กลับสร้างแรงบิดได้ประมาณ 30-80 N m ในขณะที่สว่านกระแทกไฟฟ้าไร้สาย (M18 FPD2) สามารถสร้างแรงบิดได้ถึง 135 N m นั่นหมายความว่าแรงดันไฟฟ้า(V) ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ต้องมอง

ในสมการไฟฟ้านี้ นอกจากแรงดันไฟฟ้าแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวแปรคือ กระแส หรือแอมแปร์ (I=Ampere) ซึ่งมอเตอร์ที่รับกระแส(I)ได้มากกว่า ก็จะสร้างกำลังวัตต์ (P) ได้สูงกว่าเป็นต้น

อีกทั้งถ้าจะให้เทียบแหล่งพลังงานแบบเดียวกัน ก็ยังมีความแตกต่างอยู่ดี ตัวอย่างเช่น สว่านกระแทกไฟฟ้าไร้สายขนาด 18 โวลต์ เหมือนกัน แต่ต่างยี่ห้อ หรือแม้กระทั่งต่างรุ่น ก็ให้แรงบิดที่ไม่เท่ากัน

อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือเรื่องของกลไกภายใน การออกแบบเครื่องมือตามลักษณะการใช้งาน เช่น ไขควงกระแทก 18 โวลต์ ถูกออกแบบมาเพื่อขันสกรูเป็นหลัก จึงถูกออกแบบให้มีแรงบิดมากพอสำหรับงานขันสกรูที่ประมาณ 119 – 226 N m

ส่วนบล็อกกระแทกไร้สายออกแบบมาเพื่องานขันนอตขนาดเล็กและใหญ่แตกต่างกันไปซึ่งทั้งบล็อกกระแทก และไขควงกระแทกจะมีกลไกภายในที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน แต่บล็อกกระแทกไฟฟ้าไร้สาย 18 โวลต์ สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ถึง 2711 N m

ดังนั้น กลไกภายในเครื่องมือก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เครื่องมือไฟฟ้า “แรง” นั่นเอง

แม้แต่เครื่องมือไฟฟ้าไร้สาย ที่ใช้แรงดันแบตเตอรี่เท่ากัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเครื่องมือจะต้องมีแรงบิดที่เท่ากัน ซึ่งสามารถดูได้จากสเปคของเครื่องมือจากผู้ผลิตแต่ละราย เราก็จะพบความแตกต่างกันทั้งเรื่องของความเร็วรอบ, แรงบิด, ขนาด, น้ำหนัก, ฯลฯ

นั่นแปลว่า ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดความ “แรง” ของเครื่องมือไฟฟ้าไร้สาย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ แรงดันไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่ประกอบด้วยส่วนผสมอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเพื่อให้เครื่องมือเหมาะสมกับงานที่จะใช้ มอเตอร์ที่ให้กำลังสูง กลไกการทำงาน ตลอดจนถึงระบบจัดการเพื่อการทำงานที่สัมพันธ์กันของอุปกรณ์ต่างๆในเครื่องมือไฟฟ้านั้นๆ

ฉะนั้นการดูแค่ “โวลต์” อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องของ “ความแรง” ทั้งหมด

Milwaukee ออกแบบเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตามลักษณะการใช้งานของเครื่องมือแต่ละประเภท ด้วยการเลือกใช้มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน POWERSTATE™ ที่เหมาะสมกับเครื่องมือแต่ละประเภททั้งเครื่องมือที่ต้องการความเร็วรอบสูง และเครื่องมือที่ต้องการแรงบิด

อีกทั้งยังปกป้องการลงทุนของผู้ใช้ โดยการใช้ระบบแบตเตอรี่ REDLITHIUM™ ชนิดเดียวกัน ทำให้แบตเตอรี่ของกลุ่ม M18 (18 โวลต์) สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือในระบบ M18 (18 โวลต์) ได้ทุกรุ่น ซึ่งเป็นเช่นเดียวกันกับกลุ่มรุ่น M12 (12 โวลต์)

ส่วนการประสานงานของอุปกรณ์หลักอยู่ที่วงจร ซึ่งจะทำหน้าที่สื่อสารระหว่างแบตเตอรี่ กับมอเตอร์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยปกป้องไม่ให้มอเตอร์หรือแบตเตอรี่เสียหายจากการทำงานอีกด้วย (REDLINK PLUS™ INTELLIGENCE)

ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ รวมเป็นระบบ M18 FUEL™ ของ Milwaukee นั่นเอง
ถ้าสนใจมาดูสินค้าของเราได้ที่ https://bit.ly/38Jfg1T